การทำ On Page SEO คือ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ บนหน้า Search Engine การที่ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกไม่ใช่เรื่อง่ายๆ อาจทำให้นึกถึงผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO มาช่วย แต่ต้องแลกมาด้วยค่าจ้างที่มีราคาสูง เรา SEOblackcat จะมาสอนคุณทำ SEO แบบที่ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงขั้นตอนการทำ On Page SEO เริ่มตั้งแต่ปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine การหา Keyword ที่มีคุณภาพ เทคนิคการจัดวาง Keyword ในตำแหน่งที่เหมาะสมถูกต้องตามหลักและการส่ง Sitemap ของเว็บไซต์ให้ Google เพื่อมาเก็บข้อมูลในการจัดอันดับ
Table of contents
- ปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำ SEO
- การทำ On Page SEO บน WordPress
- 1. เทคนิคการหา Keyword
- 2. Focus Keyword
- 3. Tag Title
- 4. Meta Descriptions
- 5. Image alt attributes
- 6. ใส่ Keyword ใน paragraph แรก
- 7. Internal links – เชื่อมโยงลิงค์ภายในเว็บให้ถูกวิธี
- 8. External links – ลิงค์ภายนอก
- 9. เขียน URL ให้กระชับ
- 10. กำจัด Duplicate Content
- 11. Image Optimization เพื่อให้เว็บโหลดเร็วขึ้น
- 12. หลีกเลี่ยง 404 หรือลิงค์เสีย
- 13. โครงสร้างของ Content
- 14. ใส่ Keyword ในแท็ก H1, H2, H3
- สรุป
ปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำ SEO
1. Responsive Web
Responsive Web เป็นการที่เว็บไซต์สามารถแสดงผลได้ทุกหน้าจอ โดยใช้หลักการ Mobile-First เนื่องจากปัจจุบันมีคนใช้งานมือถือเป็นจำนวนมาก ทำให้เว็บที่ไม่รอบรับมือถือ อาจจะเสียลูกค้าบางส่วน เพียงเพราะเปิดในมือถือแล้วอ่านตัวหนังสือไม่ออก หรือต้องซูมตลอดเวลา เป็นต้น
2. เว็บต้องโหลดเร็ว
คนทั่วไปเมื่อใช้เว็บไซต์แล้วก็จะสามารถบอกถึงความรู้สึกเมื่อใช้เว็บแล้วเว็บนั้นช้าหรือเร็ว แต่สำหรับ Google แล้ว Google ได้ทำตารางเปรียบเทียบประสิทธิภาพความเร็วของเว็บไซต์ ให้เราเทียบได้ว่า กี่วินาทีถึงจะเร็ว กี่วินาทีถึงจะช้า
ตารางเปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าอยู่ในระดับ 3-5วิ จะดีมากครับ ถ้าเว็บไซต์ช้า มันส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้เข้าเว็บโดยตรงครับ (User Experience) ยิ่งหน้าเว็บโหลดช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มอัตราการตีกลับมากขึ้น (Bounce rates : อาจจะเกิดจากคนที่เข้ามาในเว็บแล้วรอช้าไม่ได้ก็เด้งออกไปก่อน ยิ่งอัตราการตีกลับมี % มาก ก็ยิ่งมีผลเสียต่อ SEO)
เครื่องมือ 3 เครื่องมือที่เรา SEOblackcat ใช้ในการเช็คความเร็วเว็บไซต์
- GTetrix
- Pingdom Tools
- PageSpeed Insights
3. SSL (https) หรือ SSL Certificate
SSL หรือ https เป็นมาตรฐานในการรับ-ส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ข้อมูลที่ส่งนั้นถูกเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล โดยที่ https จะส่งผลโดยตรง 2 อย่างคือ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการจัดอันดับ SEO
การทำ On Page SEO บน WordPress
1. เทคนิคการหา Keyword
การเลือกใช้คีย์เวิร์ดในการทำเว็บไซต์พร้อมเทคนิคการทำ SEO เพื่อช่วยสร้างคุณภาพที่ดีให้กับเว็บไซต์ของคุณ หากเรามีการวิเคราะห์หรือใช้ Keywords ที่ค่อนข้างตรงใจผู้บริโภคหรือผู้ที่มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าหรือบริการของคุณ ดังนั้นการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมจึงถือเป็นการออกแบบเว็บไซต์ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพ เพิ่มโอกาสการค้นหา และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาหรือใช้เครื่องมือในการทำให้หน้าเว็บไซต์อันดับการค้นหาไปด้วย
ปัจจุบันมีเครื่องมือการหา Keyword ที่มีคุณภาพหลายตัวหลายยี่ห้อ เราสรุป 4 ข้อที่ผมเลือกใช้ประจำ
- Google Keyword Planner
- Kwfinder
- Google Trends
- Google suggest
2. Focus Keyword
Focus Keyword คือ Keyword ที่เราต้องการให้ผู้ที่ใช้งานมองเห็น Blog ของเรา โดยเมื่อเราเลือก Keyword มา Plugin จะทำการตรวจสอบเนื้อหาของเราโดยอัตโนมัติว่ามี Keyword อยู่ที่ส่วนไหนบ้าง และจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งประกอบไปด้วย
- Article Heading ก็คือหัวข้อของ Blog ของเรานั่นเอง
- Page title คือ Title ที่แสดงใน Google สามารถแก้ไขได้ที่เมนูด้านล่าง และตรวจสอบได้จาก Snippet Preview
- Page URL คือ URL ที่เราตั้งค่าให้กับ Blog นี้ สามารถแก้ไขได้ด้านล่างของ Article Heading โดยหาก Keyword มีการเว้นวรรค ให้ใช้ “-” แทน
- Content คือเนื้อหาของ Blog
- Meta description เช่นเดียวกับ Page title เราสามารถแก้ได้ด้านล่าง และตรวจสอบได้จาก Snippet Preview
3. Tag Title
Title tag คือชุดข้อความที่แสดงในส่วนชื่อของหน้าเพจหรือแท็บของเว็บเบราเซอร์ และจะแสดงบรรทัดแรกหรือส่วน Head ในหน้าผลลัพธ์การค้นหาในกูเกิล(SERPs) มีความสำคัญเป็นอับดับต้นๆ ของการทำ On-Page SEO ควรเขียนให้มีคุณภาพที่สุด ซึ่งจะแสดงให้เราเห็น 2 จุดคือ ผลลัพธ์จากการค้นหาใน Google และที่แท็บของเว็บเบราเซอร์
4. Meta Descriptions
Meta Descriptions เป็นคำอธิบายสำหรับหน้าเพจนั้นๆ เป็นการเขียนสรุปสั้นๆ ไม่เกิน 2 บรรทัด ซึ่งมันจะถูกแสดงในหน้า SERP หรือหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Google
- ความยาว : ไม่ควรยาวเกิน 300 อักขระ และไม่ควรสั้นเกินไป ถ้าใช้ Yoast SEO Plugin เขียน Meta Descriptions ให้ขึ้นเขียวๆ ถ้ายาวกว่า่นี้ กูเกิลจะไม่แสดงให้เราอยู่ดี
- Keyword : ควรมี Keyword อยู่ในMeta Descriptions ด้วย ยิ่งอยู่ช่วงต้นก็ยิ่งดี แต่อย่าพยายามใส่ Keyword ที่ต้องการเน้นหลายชุดเกินไป เช่น “รองเท้า, รองเท้าถูก, รองเท้าแตะ, รองเท้าลดราคา”
- เขียนให้เป็นธรรมชาติ : พยายามเขียนให้คนอ่านง่าย อ่านแล้วอยากคลิกเข้าไปอ่านทันที
5. Image alt attributes
Image alt attributes หรือ ALT เป็นคำอธิบายของรูปภาพนั้น เพื่อสื่อว่าภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร เนื่องจาก Google จะมองไม่เห็นว่ารูปเราหน้าตาอย่างไร สวยหรือเปล่า Google จะอ่านได้แค่ ALT ของรูปได้เท่านั้น หากเราไม่ได้เขียนคำอธิบายของรูปภาพ หรือไม่ได้ใส่ Keyword ประกอบ โอกาสที่รูปเราจะติดอันดับการค้นหาก็น้อยมาก
All attributes มีความสำคัญมากในเรื่องการทำ SEO มันช่วยให้เราได้ Traffic จากการค้นหาด้วยรูปภาพไม่มากก็น้อย
6. ใส่ Keyword ใน paragraph แรก
พารากราฟแรกหรือประโยคแรก เพราะมันเป็นกุญแจที่จะบอกคนอ่านว่า บทความนี้น่าสนใจหรือไม่ การที่เราใส่ Keyword ในพารากราฟแรก บ่งบอกว่า เนื้อหาในพารากราฟถัดไป จะพูดถึงเกี่ยวกับอะไร แต่ควรหลีกเลี่ยงการพยายามใส่ Keyword มากเกินไป จนกูเกิลจะมองว่าเป็นพวก สแปมคีย์เวิร์ด
7. Internal links – เชื่อมโยงลิงค์ภายในเว็บให้ถูกวิธี
Internal links คือลิงค์ภายในเว็บไซต์ด้วยกันที่เชื่อมโยงไปยังหน้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันเป็นธรรมชาติ ทำให้ Google ทราบว่าเรายังมีบทความอื่นๆ อีก หากเราสร้างลิ้งค์ได้น่าสนใจก็จะช่วยให้ผู้อ่าน อยู่ในเว็บไซต์ของเราได้นานขึ้น ยิ่งนานก็ยิ่งทำให้อันดับ SEO บน Google ดีตามขึ้นไปด้วย
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- เขียนชื่อลิงค์(anchor text) ด้วยคำทั่วไปเช่น อื่นๆ , คลิกที่นี่!, บทความดีๆ : ควรใช้คำที่สื่อความหมายกับหน้าที่จะลิงค์ไป
- ชื่อลิงค์(anchor text) ยาวเกินไป : ควรใช้ชุดคำที่กระชับ
- ลิงค์ไปยังหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง
- ต้องให้คนอ่านรู้ว่านี่คือลิงค์นะ : อาจจะใช้สีให้ต่างจากข้อความธรรมดา
- อย่า! พยายามใช้สีลิงค์ให้เหมือนข้อความธรรมดา
8. External links – ลิงค์ภายนอก
เป็นรูปแบบลิงค์ที่ลิงค์จากเว็บไซต์เราไปยังเว็บอื่นๆ สำหรับระบุแหล่งอ้างอิงหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องที่เรากำลังเขียนอยู่ ซึ่งการทำ External links ควรเขียนให้เป็นไปตามท้องเรื่องจะดีที่สุด ต้องลิงค์ไปที่เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหรือ Keyword ที่เรากำลังพูดถึง หากเราลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังเขียน Google อาจจะมองว่าเราพยายามสแปม ซึ่งไม่ดีต่อ SEO แน่ๆ
9. เขียน URL ให้กระชับ
URL ของหน้าเพจ หรือบทความ ควรเขียนให้สั้น กระชับ เข้าใจได้ง่าย ให้อยู่ภายใต้หลักการ Friendly URLs
10. กำจัด Duplicate Content
Duplicate Content แปลกันง่ายๆ คือเนื้อหาซ้ำ เนื้อหาเหมือนกันที่ปรากฏหลายที่ ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่เราไป Copy บทความเค้ามา หรือเราจงใจสร้างบทความที่คล้ายๆ กัน เพื่อหวังอันดับบนกูเกิลดีขึ้น
Duplicate Content มี 2 รูปแบบหลักๆ อย่างแรกเนื้อหาซ้ำภายในเว็บไซต์เราเอง และซ้ำกับเว็บไซต์อื่นๆ
ถึงแม้ว่า Google จะไม่มีบทลงโทษที่แน่นอน แต่มันก็กระทบต่ออันดับเว็บไซต์เราบนกูเกิลในแง่ลบ ฉะนั้นไม่ควร
11. Image Optimization เพื่อให้เว็บโหลดเร็วขึ้น
รูปที่เราใช้นั้นมีขนาดใหญ่และหนักเกินไป ก็อาจส่งผลเสียตามมา เช่น หน้าเพจโหลดช้าถึงช้ามาก ทำให้ผู้อ่านรอไม่ไหว ปิดหน้าเพจออกไปหาเว็บไซต์อื่นๆ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อทำให้เกิดอัตราการตีกลับ(Bounce rate) เพิ่มขึ้น ส่งผลเสียต่ออันดับ SEO ของเว็บไซต์เรา
12. หลีกเลี่ยง 404 หรือลิงค์เสีย
หากเราทำเว็บไซต์มาเป็นระยะเวลานาน อาจจะมีบางลิงค์หรือบางหน้าที่เราได้เปลี่ยน URL หรือลบทิ้งไป มันเป็นสาเหตุของการเกิด 404 ซึ่งเมื่อเราพบสาเหตุก็ควรที่จะแก้ไขอย่างด่วน
13. โครงสร้างของ Content
ถ้าอยากให้บทความเราติดหน้าแรกได้เร็วขึ้น ควรเขียนเนื้อหาให้ยาวอย่างต่ำ 300คำ ขึ้นไป ไม่ควรโฟกัสที่ปริมาณอย่างเดียวครับ จนลืมเรื่องคุณภาพของเนื้อหา จำไว้ว่า “คุณภาพเหนือปริมาณเสมอ” หรือ “Content is King” เพราะสุดท้ายสิ่งที่ visitor ต้องการคือเนื้อหาที่มีคุณภาพ
14. ใส่ Keyword ในแท็ก H1, H2, H3
โดยพื้นฐานของธีมเว็บไซต์ โดยเฉพาะ Theme WordPress ส่วนใหญ่แล้วคนที่พัฒนาธีม ส่วน่ใหญ่จะกำหนดขนาดฟ้อนต์ของ H1 – H6 ใหญ่ – เล็ก ตามลำดับ หัวข้อที่สำคัญที่สุด เราใช้ H1, หัวข้อรองลงมาใช้ H2 และ หัวข้อย่อยกว่านั้น ใช้ H3
หากมองในแง่ SEO การใส่ Keyword ประกอบในหัวข้อสำคัญๆ เช่น H1, H2, H3 ช่วยให้กูเกิลเข้าใจภาพรวมของบทความเราได้ และถ้าต้องการอันดับ SEO ดีๆ อย่าลืมที่จะให้ความสำคัญกับการเรียงลำดับความสำคัญของหัวข้อต่างๆ เพื่อให้ผู้อ่าน และ Bot เข้าใจได้ง่ายขึ้น
สรุป
การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google หากเราทำตามขั้นตอนเขียนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมากพอ ก็มีโอกาสที่เว็บไซจ์ของเราติดหน้าแรกของ Google ได้ไม่ยาก ลองนำเทคนิคที่เรา SEOblackcat ได้บอกคุณไป มาปรับใช้ดู แต่อย่าพยายามใส่ลิ้งค์ ใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไป จนลืมไปว่าคุณภาพของเนื้อหามันอาจส่งผลเสียต่ออันดับของเว็บไซต์ก็ได้ จำไว้ว่า “คุณภาพเหนือปริมาณเสมอ” หรือ “Content is King“